"ปอย" เป็นภาษาพม่า แพร่เข้ามาสมัยยึดครองเมืองเชียใหม่ หมายความถึง "งาน" ที่มีคนมาช่วยกัน หรือ ชุมนุมกัน งานฉลอง งานสมโภช มหากรรม รวมเข้าไปหมด แต่มีคำว่า "หลวง" และ "น้อย" ต่อท้าย ถ้าเป็นงานฉลองใหญ่ เรียกว่า "ปอยหลวง" ส่วนปอยลูกแก้วนี้เรียกว่า "ปอยน้อย" คืองานเล็กๆนั่นเอง
ทางล้านนาไทยเรียกลูกที่จะบรรพชาหรืออุปสมบทว่า "ลูกแก้ว" คือลูกดีเป็นพิเศษ เป็นแก้วเป็นคุณแก่บิดามารดา เรียกว่าเป็นคำยกย่องลูกที่จะเปลี่ยนเพศ
ล้านนาไทยนิยมบรรพชาสามเณรมาก ทั้งนี้มิใช่ว่าไม่นิยมการอุปสมบท เป็นแต่เพียงว่านิยมให้ลูกตนเข้าไปเป็นสามเณรมากกว่าเท่านั้น เด็กชายประมาณ 10 ปี บิดามารดาผู้หวังความเจริญแกลูก ย่อมจะนำลูกมาฝากเป็น "ขะยม" หรือศิษย์วัด อาจจะให้เป็นศิษย์ของพระรูปใดรูปหนึ่งก็ได้
ทั้งนี้เพราะวัดเป็นสถานที่ศึกษาเพียงแห่งเดียวที่เรามีอยู่ วิทยาการทุกแขนงเราไปศึกษาจากวัด วัดเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปศาสตร์ทั้งปวง เมื่อศึกษาเล่าเรียนอักษรสมัยจบแล้ว ก็เริ่มเรียนคำที่จะใช้กล่าวขอบบรรพชาเรียนสิกขาวินัย และเริ่มท่องสวดมนต์ต่างๆ หัดอ่านคัมภีร์ที่เขาจารไว้เป็นอักษรลานนาไทย ประมาณอายุ 12 ปี จึงจะมีการจัดงานปอยลูกแก้วบรรพชาให้ ทางล้านนาไทยเชื่อว่า "การบรรพชาสามเณรนั้น ชื่อว่าตอบแทนคุณของมารดา เพราะ อายุ 12 ปี เท่ากับคุณของมารดา ส่วนคุณของบิดานั้นมี 20 ถ้าได้อุปสมบทตอนอายุ 20 ปี จึงชื่อได้ว่าตอบแทนคุณของบิดา"
หากว่าบิดามารดาเด็กที่จะบวชเป็นคนยากจนก็จะมอบเด็กนั้นให้แก่คนที่มีเงิน มีจิตศรัทธาเป็นเจ้าภาพบวชให้ เรียกกันว่า "พ่อออก หรือแม่ออก" "เป็นพ่อแม่คนที่สองเลยทีเดียว"
การดาปอย หรือ เตรียมงาน ไม่มีกฏเกณฑ์บังคับ ใครจะทำเพียงใดก็ได้ หากยากจนจริงๆ จะบวชเพียงมีห่อหมากแจกถวายพระก็ได้ งานปอยลูกแก้วที่จะพูดในทีนี้ ประสงค์จะพูดให้เต็มแบบฉบับของงาน เพื่อให้คนรุ่นใหม่ศึกษาว่าในอดีตเขาทำกันอย่างไร
เบื้องแรกเมื่อตกลงกันว่า "จะดาปอยลูกแก้วแล้ว" เขาก็จะตระเตรียมสิ่งของเครื่องใช้เหมือนงานทั้งหลาย แล้วให้ลูกสาว หลานสาว หรือสาวๆเพื่อนบ้านไปแผ่นาบุญ "การแผ่นาบุญ" ก็คือการบอกให้ญาติมิตรมาทำบุญร่วมกัน เขาจะเอาผ้าเหลือง หรือผ้านิสีทนะคือผ้ารองนั่งห่ออัฐบริขารบางชิ้นแล้วใช้ลูกประคำพันที่จุกผ้านิสีทนะที่รวบรวมกันเป็นกระจุกไว้ เอาห่อผ้านี่วางบนพานอุ้มเดินไปแผ่นาบุญ เจ้าของบ้านก็จะยกพานนนั้นขึ้นจบที่หน้าผาก แล้วกล่าวว่า "สาธุ อนุโมทามิ"
"วันดา" คือ วันสุกดิบมาถึง ในวันนีตลอดวันญาติพี่น้องจะมาช่วยกันเตรียมสิ่งของและทำกับข้าว ผู้คนจะร่วมมาอนุโมทนา ด้วยสิ่งของบ้างเงินบ้างตามเจตนา เขาจะปลูกร้านเพื่อให้ช่างซอขึ้นเล่น เป็นมหรสพ
การแห่ลูกแก้ว
ส่วนมากเด็กที่จะบรรพชาเป็นสามเณรนั้น จะมีการแห่ลูกแก้ว โดยกำหนดให้ไปเอาลูกแก้วจากวัดใดวันหนึ่งที่ห่างไกลจากวัดที่จะบวชประมาณ 2-3 กิโลเมตร เขาจะพากันไปที่สัดนั้นทั้งคนหนุ่มคนสาวและเด็กๆเพื่อแต่งตัวลุกแก้วแล้วพาขี่พาหนะ เช่น ม้า ช้าง คน หรือรถ
การแต่งตัวลูกแก้ว เขาจะแต่งตัวด้วยเครื่องลิเกหรือละคร สมมติให้เป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ประดับด้วยถนิมพิมพาภรณ์อย่างเพริศแพร้ว เลียนแบบเจ้าชายสิทธัตถะเมื่อตอนเสร็จออกบรรพชา เมื่อเสร็จแล้วก็จะอุ้มลูกแก้วขึ้นนั่งบนพาหนะ ส่วนมากมักเป็นม้ากั้นสัปทนกันแดดให้ แล้วก็แห้ด้วยฆ้องกลองหรือเครื่องสายแบบพื้นเมือง มาตามถนนคืนสู่วัดที่ลูกแก้วจะบรรพชา เป็นที่สนุกสนานมาก เมื่อลุกแก้วมาถึงวัดแล้วจะนั่งพักสักครู่เพื่อรอทำพิธี "เรียกขวัญ" หรือพิธีบายศรี ทำขวัญนาค
อ้างอิง คณะกรรมการจัดทำหนังสือประจำจังหวัดลำพูน. (2542). ภูมิปัญญาชาวบ้านและเทคโนโลยีท้องถิ่น. ลำพูน: คณะกรรมการจัดทำหนังสือประจำจังหวัดลำพูน.